สมัคร UFABET
สมัคร UFABETมีอยู่ครั้งหนึ่งก่อนที่ แมนฯยูไนเต็ด จะต้องลงทำศึกพรีเมียร์ลีกกับ เลสเตอร์ ปรากฏว่ามีกองทัพช่างภาพกว่า 20 คนมาปักหลักที่สนามซ้อม
เล่นเอา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แปลกใจไม่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ปกติศูนย์ฝึกแคร์ริงตัน ไม่มีตากล้องมากันมากขนาดนี้
"เดวิด กำลังจะโชว์ทรงผมใหม่พรุ่งนี้" ใครสักคนมาบอก ช่วยคลายความกังขา
เดวิด เบ็คแฮม มาถึงสนามซ้อมตั้งแต่บ่ายสอง ทุกอย่างไม่มีอะไรผิดสังเกต นอกจากสวมหมวกไหมพรมมาด้วยและใส่อยู่อย่างนั้นตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนกินมื้อค่ำกับทีม
เฟอร์กี้ รู้สึกรำคาญอย่างมาก เดินไปบอกให้ถอดซะ ย้ำอยู่หลายรอบ แต่ เบ็คแฮม แสดงท่าทางหงุดหงิดหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่พอใจ
แล้วก็ยังไม่ยอมถอดอีกต่างหาก ถือว่าท้าทายเจ้านายมากๆ
วันรุ่งขึ้นตอนวอร์มอัพก่อนจะลงเซิ้งแข้งจริง หมวกไหมพรมยังคลุมหัว เหมือนเดิม สร้างความขุ่นเคืองให้กับ เฟอร์กี้ ยิ่งนัก
"
แกจะถอดหรือเปล่า ถ้ายังไม่ทำตามที่บอก ฉันจะถอดแกออกจากทีมที่จะลงเล่นวันนี้เลย"
เบ็คแฮม ฉุนเฉียวกระฟัดกระเฟียดอย่างมาก แต่เจอคำสั่งไม้ตายนี้ ก็เลยต้องจำใจถอดหมวกไหมพรมออก
นั่นแหล่ะ เฟอร์กูสัน จึงรู้ว่าลูกทีมคนนี้ไปตัดผมมาใหม่ แทบจะกล้อนติดหนังหัว
เดิมที เบ็คแฮม คงจะได้รับคำแนะนำจากทีมพีอาร์หรือพวกที่เกี่ยวข้องทั้งหลายว่าอย่าเพิ่งถอดหมวก จนถึงเวลาที่ต้องลงสนามจริงๆ
ลองนึกภาพ เบ็คแฮม ที่สวมหมวกไหมพรมอยู่ตลอดเวลา แล้วมาโชว์ทรงผมใหม่ระหว่างเดินจากอุโมงค์ออกมา มันต้องเรียกเสียงฮือฮาและสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลทั้งในสนาม รวมทั้งที่อยู่หน้าจอทีวีแน่
แสงไฟจะส่องมาที่เขาคนเดียว ขโมยซีนเกือบทุกอย่าง เรียกว่าไม่ต้องลงทุนซื้อสื่อก็สามารถยึดพื้นที่ได้อย่างสบายๆ
ด้วยประสบการณ์อันโชกโชน เคยคุมนักเตะมามากมายหลายรูปแบบ ทำให้ เฟอร์กี้ เริ่มสะกิดใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเวลาต่อมา
เบ็คแฮม อาจจะไม่ได้อยู่กับ แมนฯยูไนเต็ด ยาวนานถึงขั้นกลายเป็นตำนาน...--------------
กุมภาพันธ์ 2003 เกมเอฟเอคัพรอบ 5 ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แมนฯยูไนเต็ด ต้องรับศึก อาร์เซน่อล ถือว่าเป็นซูเปอร์บิ๊กแมตช์อย่างมากในเวลานั้น
ปีศาจแดงกับปืนโตเจอกันเมื่อไร รับประกันความเดือดทะลุขีดจำกัดแน่นอน
ผลคือ อาร์เซน่อล บุกมายัดเยียดความปราชัยให้เจ้าถิ่น 2-0 ซึ่งนั่นทำให้ เฟอร์กี้ ไม่สบอารมณ์อย่างมาก สำหรับชายผู้เกลียดความพ่ายแพ้ยิ่งกว่าอะไร
แต่ที่โกรธยิ่งกว่าคือ จังหวะเสียประตูที่สอง ซึ่ง เบ็คแฮม ไม่ยอมถอยลงช่วยเล่นเกมรับ หยุดยั้งการลุยควบบอลขึ้นมาของ ซิลแว็ง วิลตอร์
ดาวเตะสุดหล่อกลับวิ่งเหยาะแหยะ จนทำให้ถูกโต้กลับและโดนเปิดแผลที่สอง ก่อนจะตกรอบอย่างน่าเจ็บใจ
ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเป็นนักเตะที่ขยันและฟิตมากที่สุดคนหนึ่งของทีมชุดนั้น รวมทั้งมีคุณสมบัติอันโดดเด่นลงมาช่วยเล่นเกมรับอยู่เสมอ
ครั้งนี้กลับทำในสิ่งตรงกันข้าม
หลังเกมบรรยากาศในห้องแต่งตัวอึมครึมมาคุ เฟอร์กี้ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ควันแทบจะออกหู
แถมยังได้ยิน เบ็คแฮม บ่นอะไรบางอย่างมาออกมา อารมณ์จึงกรุ่นหนักกว่าเดิม ปรี่ไปหาทันทีถามว่ามีอะไรข้องใจ จากนั้นเลยหวดสตั๊ดซึ่งวางเรียงอยู่ที่พื้นอัดเข้าที่หน้าผากลูกทีมคนนี้เต็มๆ
เฟอร์กี้ ไม่ได้ตั้งใจจะให้ทิศทางไปเข้าบริเวณเหนือคิ้วซ้ายอย่างนั้น โชคยังดีที่ไม่โดนเบ้าตา แต่ทำให้ เบ็คแฮม ฉุนขาดลุกขึ้นจะเอาคืน จนหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องห้ามกันวุ่นวาย
พอสงบสติอารมณ์กันได้แล้ว เฟอร์กี้ ตะคอกกลับว่า อยากแก้ตัวอะไรเถียงมาเลย หากคิดว่าไม่ใช่ความผิดของแก
วันรุ่งขึ้นกุนซือสก๊อตติชเรียก เบ็คแฮม มาที่ห้องทำงาน แล้วเปิดวิดีโอเกมอัปยศนี้ให้ดูอีกที แต่ทุกอย่างเงียบ เจอลูกทีมท้าทายด้วยการนิ่งอย่างนี้ ความอดทนที่มีขีดจำกัดอยู่แล้ว ก็เลยระเบิดออกมา
โทรบอกบอร์ดบริหารเลยว่า เบ็คแฮม จะไม่อยู่กับทีมต่อไปอีกฤดูกาลหน้าแล้ว
แม้จะเป็นนักเตะแม่เหล็กของทีม เป็นลูกหม้อขวัญใจแฟนบอล แต่ด้วยปรัชญาการทำทีมของ เฟอร์กี้ จะไม่มีใครใหญ่กว่าผู้จัดการทีมและไม่ยอมเสียการควบคุมอย่างเด็ดขาด
เมื่ออย่างนี้ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ การปล่อยให้ เรอัล มาดริด จึงเกิดขึ้นในเวลาต่อมา
เฟอร์กี้ เอ่ยปากด้วยความเสียดายอย่างยิ่ง เพราะสมัยยังเด็กนั้น เบ็คแฮม ขยันขันแข็ง เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นบากบั่น คนอื่นเลิกซ้อมกลับบ้านแล้ว ก็ยังฝึกฝนอย่างหนักหน่วงคนเดียว
นี่คือจุดแข็งที่สนับสนุนให้ประสบความสำเร็จ แต่มาถึงวันหนึ่งเขากลับโยนทิ้งมันซะ
คนเราจะลืมสิ่งที่สร้างตัวเองขึ้นมาได้อย่างไรกัน
-------------------
ตอน เบ็คแฮม ตัดสินใจย้ายจาก เรอัล มาดริด ไปยัง แอลเอ กาแล็คซี่ นั้น สร้างความผิดหวังให้กับ เฟอร์กี้ ไม่น้อย
เขาเชื่อว่าอดีตลูกทีมหมดพาสชั่นกับฟุตบอลแล้วในเวลานั้นและต้องการจะเปลี่ยนเส้นทางเดินมากกว่า
จากเกมลูกหนังไปสู่วงการมายา ซึ่งที่นั่นมีฮอลลีวูดรองรับอยู่แล้ว
สิ่งแวดล้อมหลายต่อหลายอย่างค่อยๆ เปลี่ยนความคิดของ เบ็คแฮม จนแทบไม่เหลือเค้าเด็กหนุ่มที่แววตาฉายไปด้วยความฝันจะประสบความสำเร็จในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
เมเจอร์ลีกซอคเก้อร์ไม่ได้มีอะไรคู่ควรกับ เบ็คแฮม เลยสักนิด หากคิดในแง่ของฟุตบอล อายุเพิ่งจะแค่ 30 กว่าๆ มีสโมสรใหญ่ในลีกยุโรปมากมาย พร้อมอ้าแขนต้อนรับอย่างเต็มที่
เฟอร์กี้ เชื่อว่าช่วงที่ใช้ชีวิตในสหรัฐฯนั้นเอง เบ็คแฮม น่าจะเริ่มฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง จึงพยายามอย่างยิ่งที่จะเค้นผลงานสมัยก่อนกลับคืนมาอีกครั้ง เริ่มซ้อมหนักและดูแลร่างกายเหมือนอย่างเคย
คนเรามักจะรู้สึกสูญเสียสิ่งที่มีค่าไปก็มักจะสายเกินดึงกลับมาแล้ว
แล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ เบ็คแฮม เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สนใจเรื่องนอกสนามมากกว่าเกม
แน่นอนเงินย่อมเป็นส่วนสำคัญอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ เฟอร์กี้ ยืนยันว่ารายได้จากการเตะบอลและเป็นพรีเซนเตอร์สินค้ามากมายก็รับไม่หวาดไม่ไหวแล้ว เอาแค่สองอย่างนี้ก็แทบจะเหลือเฟือ กินใช้ทั้งชาติไม่มีทางหมด
ป๋าบอกว่าลองมองดู ไรอัน กิกส์ นั่นปะไร มีผู้คนมากมายเข้าหาเพื่อผลประโยชน์ มองเห็นเงินมหาศาลลอยอยู่ข้างหน้า
แต่ กิ๊กซี่ กลับมองผ่านไป ไม่โลภมากในชื่อเสียงและเงินทอง เลือกทำในสิ่งที่ถนัดและเป็นตัวของตัวเองดีกว่า
เขาจึงกลายเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ของปีศาจแดง ชนิดที่ว่าไม่มีใครโค่นล้มทำลายได้ง่ายๆแน่
เฟอร์กี้ ไม่ได้ห้าม เบ็คแฮม เลย หากจะทำเลือกทำบางอย่างที่ไม่เกี่ยวกับฟุตบอล แต่ไม่ว่าอย่างไรอย่าวอกแวก จนสุดท้ายถูกเรื่องอื่นมากลืนกินสิ่งที่ตัวเองถนัด ทำได้ดีที่สุดในชีวิต
ตัวเขาเองก็หลงใหลม้าแข่ง แต่ก็อยู่ในกรอบหรือเวลาที่เหมาะสม งานอดิเรกเหล่านี้เหมือนน้ำทิพย์ช่วยหล่อเลี้ยงสร้างความชุ่มชื่น ไม่ใช่ว่าจะต้องหมกมุ่นกับฟุตบอลเพียงอย่างเดียว
หนังสือ ภาพยนตร์ ดนตรี งานศิลปะเป็นสิ่งที่นักเตะทุกคนควรมีในหัวใจเพื่อจรรโลงบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ไม่ใช่ไปลุ่มหลงถึงขั้นโงหัวไม่ขึ้นและส่งผลกระทบกับอาชีพตัวเอง
หากเราไม่รู้ตัวเอง จะให้คนอื่นมารู้แทนคงไม่ใช่แน่
-----------------
สิ่งที่ยืนยันได้ดีว่า เบ็คแฮม คือสุดยอดนักเตะคนหนึ่งคงเป็นเรื่องของสภาพร่างกายอันแข็งแกร่ง
เพราะดูแลดีมาตั้งแต่ยังรุ่นกระทง ความฟิตเป็นเลิส ทดสอบสมรรถภาพทีไรก็มาเบอร์ต้นๆ ของสโมสรตลอด นั่นทำให้เขายืนหยัดเล่นอยู่ได้จนถึง 37 ปี
แม้การย้ายไป ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งเป็นสโมสรสุดท้าย อาจมีเรื่องพีอาร์เจือปนอยู่บ้าง แต่หากดูผลงานในสนามแล้วจะเห็นว่าเขายังมีพลังเรี่ยวแรงที่จะหวดลูกหนังได้อยู่
เฟอร์กี้ บอกว่าหาก เบ็คแฮม มุ่งมั่นกับฟุตบอลเสมอต้นเสมอปลาย นอกจากจะได้เล่นแบบยาวๆ จนเกือบ 40 แล้ว จะขึ้นทำเนียบตำนานอันยิ่งยงของปีศาจแดงด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนถูก เอซี มิลาน ยืมตัวไปใช้งาน สมัคร UFABET แล้วได้กลับมาเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกครั้งในเกมยุโรป ยิ่งตอกลิ่มความรู้สึกนี้ของ เบ็คแฮม ได้เป็นอย่างดี
แฟนบอลยังคงต้อนรับอย่างอบอุ่น ภาพจำเก่าๆ บรรยากาศเดิมๆ กลับมายืนตรงหน้าอีกครั้ง
"มันเจ็บปวดเสมอเมื่อต้องนึกถึงอดีตที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้"
ประโยคนี้ที่ เบ็คแฮม เคยพูดออกมา ย่อมชัดเจนที่สุดแล้ว
เรื่องราวของเขาควรเป็นอุทธาหรณ์ของเด็กรุ่นหลัง
แต่อาจมีเด็กบางคนที่ไม่นำมาใช้และน่าจะเอาเป็นแบบอย่าง
"เด็กคนนั้น" คือใคร?
มาว่ากันต่อเนื่องวันพรุ่งนี้ครับ